มณีเวช ศาสตร์การบริหารร่างกายให้สมดุล

วิทยากร: นพ. นภดล นิงสานนท์ แผนกที่ปรึกษา สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข

ถึงแม้สูงวัย.. แต่ “Young Sook” ได้ เพียงแค่ปรับสมดุลด้วยศาสตร์ “มณีเวช” จะต้องทำอย่างไร?? ก็ในเมื่อความชรามักมาพร้อมกับโรคภัยไข้เจ็บเสมอ...!!!

นพ.นภดล นิงสานนท์ นายแพทย์ แผนกที่ปรึกษา สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ผู้เชี่ยวชาญด้านศาสตร์ “มณีเวช” ศาสตร์แห่งการรักษาสมดุล รวมทั้งการปรับสมดุลโครงสร้างร่างกาย ซึ่งเป็นศาสตร์พื้นฐานของธรรมชาติ ด้วยการบริหารร่างกาย เพื่อจัดระเบียบโครงสร้าง และอิริยาบถต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น การยืน เดิน นั่ง นอน ในชีวิตประจำวัน เพื่อให้เกิดความสมดุลภายใน ด้วยการกระตุ้นระบบไหลเวียนโลหิต น้ำเหลือง และระบบประสาท ที่จะสามารถช่วยบรรเทาอาการปวดเมื่อยเรื้อรัง และโรคภัยต่าง ๆ อย่างคาดไม่ถึง จึงได้นำเรื่องราวความรู้ที่น่าสนใจเกี่ยวกับศาสตร์นี้ มาบรรยายให้กับผู้สูงวัยทุกท่านได้เรียนรู้และสามารถนำไปทดลองปฏิบัติได้จริงในชีวิตประจำวันถึงแม้สูงวัย... แต่ “Young Sook” ได้ แค่ปรับสมดุลด้วยศาสตร์ “มณีเวช” นั่นเอง

สาเหตุหลัก ๆ ของปัญหาที่ทำให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บในปัจจุบันนี้ ก็คือการจัดโครงสร้างของร่างกายที่เสีย ซึ่งมาจากอิริยาบถต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันอย่าง การนั่ง การเดิน การยืน การนอนนี่แหละ ที่บางครั้งมันผิดที่ผิดทางมาเป็นระยะเวลานาน หรือต่อเนื่องทุกวัน ๆ ในแบบไม่รู้ตัวจนทำให้ร่างกายเสียสมดุล ก็สามารถก่อให้เกิดโรคต่าง ๆ ได้ อย่างการปวดเมื่อย นอนไม่หลับ ออฟฟิศซินโดรม โรคกระเพราะ ไมเกรน ฯลฯ ซึ่งสามารถรักษาให้หายขาดได้ เพียงแค่ปรับสมดุลเท่านั้น!!!

โดยที่ทุกคนสามารถรักษาอาการเจ็บป่วยดังกล่าวได้ด้วยตัวเอง ไม่ต้องพึ่งพาเครื่องมือ ไม่ต้องรับประทานยา หรือเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ในการรักษา แถมยังสามารถนำไปใช้ดูแลตัวเองและคนที่รักได้ตั้งแต่แรกเกิด จนถึงวาระสุดท้ายของชีวิตได้อีกด้วย

ผู้ที่คิดค้นและก่อตั้งศาสตร์ “มณีเวช” หรือศาสตร์แห่งการรักษาที่แสนวิเศษนี้ก็คือ อาจารย์ประสิทธิ์ มณีจิระประการ ซึ่งเป็นผู้พลิกตำราและประวัติศาสตร์ทางการแพทย์ที่สามารถพิสูจน์ได้จริง และถูกบรรจุเข้าสถาบันการแพทย์แผนไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ด้วยการนำเอาองค์ความรู้ต่าง ๆ ที่ได้เรียนมาประยุกต์เข้าด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นการฝังเข็ม การนวด การจัดกระดูก การประคบรักษาในแพทย์แผนไทย การเรียนมวยจีน การทำสมาธิ การทำโยคะ ฯลฯ จนกลายเป็นศาสตร์แห่งการดูแลสุขภาพที่พอเพียงอย่างแท้จริง อยู่ที่บ้านก็สามารถทำ เพียงแค่ปรับสมดุลโครงสร้างของอิริยาบถในชีวิตประจำวันอย่าง ท่านั่ง นอน ยืน เดิน ให้ถูกต้องก็พอ

ซึ่งศาสตร์ “มณีเวช” นั้น สามารถรักษาอาการเจ็บป่วยได้ถึง 70-80% ของการรักษาเลยทีเดียว มีเพียงไม่กี่เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ที่จำเป็นต้องจัดกระดูกเพื่อรักษาเพิ่มเติม โดยมีวิธีการประเมินการรักษาจะค่อนข้างแตกต่างจากแพทย์แผนปัจจุบันคือ ผู้ป่วยเจ็บป่วยตรงไหน จะไม่ได้ทำการรักษาบริเวณนั้นโดยตรง แต่จะใช้วิธีการแบบป่าล้อมเมืองในการรักษา ตัวออย่างเช่น เมื่อผู้ป่วยเข้ารับการรักษาอาการเจ็บข้อศอก แพทย์ผู้รักษาจะดูภาพรวมโครงสร้างทางกายภาพของผู้ป่วยก่อน แล้วจึงค่อย ๆ ปรับ ค่อย ๆ จัดโครงสร้างร่างกายให้กลับมาอยู่ในสมดุล โดยไม่ได้เน้นไปตรงบริเวณที่บาดเจ็บโดยตรง ซึ่งการรักษาแบบนี้จะทำให้ผู้ป่วยมีอาการเจ็บน้อยลงนั่นเอง

สำหรับผู้สูงอายุที่ต้องการดูแลตัวเองด้วยศาสตร์ “มณีเวช” หรืออยากรักษาอาการผิดปกติต่าง ๆ ในร่างกาย อาจารย์หมอได้ให้วิธีและแนวทางในการปรับสมดุลร่างกาย ด้วยการปรับอิริยาบถในชีวิตประจำวันง่าย ๆ ที่ปฏิบัติได้ทุกวันดังนี้...

ท่านั่ง: ต้องนั่งตัวตรง ห้ามนั่งไขว่ห้าง ห้ามนั่งพับเพียบ ห้ามนั่งพับขาแบบญี่ปุ่น ห้ามเอนหลัง เพราะท่านั่งที่กล่าวมาทั้งหมด จะก่อให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับกระดูกสันหลังได้ โดยเฉพาะการนั่งเอนตัวบนโซฟา แม้ว่าเป็นท่าที่ดูเหมือนจะสบายที่สุด แต่กลับทำให้เกิดปัญหามากที่สุด เนื่องจากจะทำให้กระดูกสามเหลี่ยมมบริเวณกระเบนเหน็บโดนกดทับ และเกิดอาการปวด ส่วนการนั่งไขว่ห้างจะทำให้กระดูกเข่าบิดตัวผิดองศา การนั่งแบบญี่ปุ่น ก็สามารถส่งผลต่ออารมณ์ โดยเฉพาะในเด็กที่ชอบนั่งท่านี้ จะกลายเป็นเด็กอารมณ์ร้อน เซ็นท์ซิทีฟ ขี้หงุดหงิด และโมโหง่าย ดังนั้นท่าที่ดีที่คือท่านั่งที่ก้นทั้งสองข้างวางอยู่ในระนาบเดียวกัน ท่านั่งที่ถูกต้องจะช่วยรักษาอาการปวดคอ ปวดหัว ปวดหลัง ปวดประจำเดือน ได้ด้วย
ท่านอน: ต้องนอนหงาย ห้ามนอนคว่ำ การบิดคอไปด้านใดด้านหนึ่งนาน ๆ นั้นมีผลเสียอย่างมาก อาจทำให้เกิดอาการชาเป็นจุดเริ่มต้นในด้านที่โดนกดทับไว้ เพราะส่งผลกับระบบการไหลเวียนของเลือดโดยตรง จึงควรนอนหงายแล้ววางคอแบบสบาย ๆ เพื่อให้ร่างกายเกิดความสมดุล หมอนที่นอนต้องหนาเท่ากับไหล่ หรือถ้าจะนอนตะแคงก็ควรจะตะแคงให้เท่า ๆ กันทั้งสองด้าน เพราะการนอนตะแคงเพียงข้างเดียวนาน ๆ เป็นประจำทุกวัน จะก่อให้เกิดอาการปวดหัว หรือปวดไมเกรน เพราะเลือดไปเลี้ยงสมองไม่พอ ซึ่งวิธีแก้ก็คือให้ใช้หมอนธรรมดา ๆ แล้วนำใช้ผ้าเช็ดตัวมาม้วนรองบริเวณท้ายทอยไว้ ให้อยู่ในลักษณะใกล้เคียงท่ายืน ส่วนผู้ที่ชอบนอนตะแคง ก่อนจะลุกจากเตียงก็ให้เปลี่ยนท่ามาตะแคงอีกด้านสัก 10 นาทีก่อนลุก วิธีนี้ก็สามารถช่วยได้
ท่ายืน: ต้องยืนให้สมดุล หรือยืนให้เท้าขนานกันเป็นเลข 11 โดยลงน้ำหนักที่เท้าสองข้างให้เท่ากัน แต่ถ้าจะยืนแบบพักขา ก็ต้องคอยสลับข้าง ไม่ให้ข้างใดข้างหนึ่งรับน้ำหนักเพียงฝั่งเดียวนานเกินไป
ท่าเดิน: ต้องเดินเท้าตรงขนานกัน ไม่เดินเท้าแบะออก เพราะอาจก่อให้เกิดปัญหาบริเวณขาพับ และอาจเจ็บเข่าด้านใน หรือที่เรียกกันว่าเข่าเสื่อมได้ สำหรับผู้ที่เดินลงน้ำหนักเท้าด้านนอก หรือลงน้ำหนักที่บริเวณนิ้วก้อย ให้เปลี่ยนมาลงน้ำหนักที่หัวนิ้วโป้งด้านในแทน เข่าที่เคยผิดรูปจะบิดกลับเข้าหากันได้เอง วิธีแก้ไขท่าเดินให้ถูกต้องก็คือ เวลาเดินไปด้านหน้า ควรลงน้ำหนักที่ส้นเท้าก่อน แต่เมื่อเดินถอยให้ลงน้ำหนักที่ปลายเท้าก่อน ที่สำคัญควรสวมใส่รองเท้าที่สบาย ที่ไม่บีบหรือรัดแน่นจนเกินไป ท่าเดินที่ถูกต้อง หรือรองเท้าที่เหมาะสมจะช่วยแก้อาการรองช้ำ หรือมีโครงสร้างผิดมาตั้งแต่สะโพกได้

และนอกเหนือจากการปรับอิริยาบถ ยังมีท่ากายบริหารในการปรับสมดุลโครงสร้างร่างกายในชีวิตประจำวัน เพื่อให้ผู้สูงอายุนำไปฝึกบริหาร แขน ไหล่ หลังเพื่อปรับกระดูกสันหลัง และปรับอาการหลังคดด้วย นั่นก็คือ ท่างู แมว เต่า ที่ผู้สูงอายุควรฝึกบริหารอย่างต่อเนื่องวันละ 2 รอบคือ (เช้า-เย็น) กับอีกหลากหลายท่าที่น่าสนใจ ช่วยแก้อาการต่าง ๆ ที่เกิดประโยชน์และเห็นผลได้จริงอีกด้วย

ซึ่งศาสตร์ “มณีเวช” นอกจากจะช่วยรักษา ยังช่วยในเรื่องการบริหารสติในอิริยาบถต่าง ๆ ซ้ำในบางท่ายังสามารถช่วยแก้อาการอย่าง แขนติด เจ็บข้อมือ นิ้วล็อค ปวดหลัง เวียนหัว ปวดเมื่อย นอนไม่หลับ มีปัญหาท้องผูก ทำให้การเดิน ลุก นั่ง คล่องตัวขึ้น ที่สามารถนำไปสอนหรือบอกต่อไปยังผู้อื่นได้ง่าย และเกิดประโยชน์กับคนทุกเพศทุกวัยอีกด้วย

**ผู้ป่วยที่ต้องการรักษาอาการด้วยศาสตร์ “มณีเวช” สามารถไปปรึกษา สอบถาม หรือรักษาอาการต่าง ๆ นอกเหนือจากที่กล่าวมา สามารถเข้ารับการรักษาได้ที่ “ชมรมประสิทธิ์มณีเวช” เปิดทำการ วันศุกร์-อาทิตย์ ที่แจ้งวัฒนะ10 หรือโทรสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่...